ข่าวดังในช่วงนี้ ถ้าไม่เอ่ยถึงวัดพระธรรมกาย ก็คงจะแปลกดี ล่าสุดหนังสือพิมพ์ฉบับหนึง ลงข่าวพาดหัว ว่าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายต้องอาบัติปาราชิก โดยอาศัย เกี่ยวกับคำให้สัมภาษณ์ของพุทธอิสระ และเจ้าอาวาสวัดธรรมกายว่า ได้ทำผิดอาบัติคอบราชิก พร้อมมีหลักฐานพยาน ผู้ร่วมกระทำผิดรอให้เหตุการณ์ รอให้ปากคำ มันก็น่าสงสัยนะครับ ท่านเป็นพระจริงหรือไม่ ในพระวินัยบอกไว้ว่า การบอกอาบัติชั่วหยาบของพี่สุขด้วยกันกับอนุสัมพันธ์ หรือคนภายนอก จะกระทำไม่ได้ ภิกษุผู้ใดกระทำ โรคนั้นต้องอาบัติ ท่านอิสระรู้ตัวหรือเปล่าไม่ว่า เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จะต้องอาบัติปาราชิกหรือไม่ การที่ท่านนำมาบอกกล่าวกับบุคคลภายนอก ตัวท่านเองต้องอาบัติด้วย คนที่ต้องอาบัติ ไปกล่าวหาคนที่ไม่ต้องอาบัติ อย่างนี้ถือว่าไม่ยุติธรรมไม่มีความโปร่งใสในการกล่าวหา อยากจะบอกว่า ก่อนว่าคนอื่น ไปดูตัวเองให้ดีก่อนจะดีไหมครับ แถมอีกนิดนึง หลักฐานที่ว่าผู้ร่วมกระทำผิดพร้อมให้ข้อมูล ไอ้พยานที่ว่ามันอยู่ที่ไหน เคยเห็นหน้ามาหรือเปล่า หรือเล็กๆคิดคิดแล้วเดาเอา อย่างนี้เรียกว่ากล่าวหาอย่างเลื่อนลอยไม่มีหลักฐานหยุดสักทีเถอะครับหยุดสร้างความแตกแยก ให้กับคณะสงฆ์และชาวพุทธมากไปกว่านี้ กลับไปดูตัวเองก่อนเถอะ
ตัวเองทำผิดแล้วยังไม่รู้ นีน่าไปกล่าวหาผู้อื่น หัดมียางอายซะบ้างนะครับ
ความจริงธรรมกาย
วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559
วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559
รับของโจร ธรรมกายไม่เข้าข่าย ตอน 2
จากตอนที่แล้วมีตัวอย่างฏีกามาเสนอ ตอนนี้ขอเอาตัวอย่างอีก ฏีกามาเทียบเคียงครับ
- คำพิพากษาฎีกาที่ 1276/2530
การซื้อขายวิทยุติดรถยนต์ของกลาง ได้กระทำกันโดยเปิดเผย และจำเลยรับซื้อของกลางไว้ โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยจึงไม่มีความผิด เพราะขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดฐานรับของโจร
_______________________________________________
วัดธรรมกายออกมาให้ข้อมูลว่าการรับถวายเงินทำบุญ มีคนมาถวายกันครั้งละมากๆ และกระทำกันในห้องประชุมใหญ่ซึ่งเป็นที่สาธารณะ จัดได้ว่าเป็นการกระทำกันโดยเปิดเผย และรับ
โดยสุจริต ทั้งไม่รู้มาก่อนว่าทรัพย์นั้นได้มาจากการกระทำผิดหรือไม่
การที่ DSI
กำลังชี้มูลความผิด เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ถ้าเทียบเคียงกรณีนี้ถือว่าขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดฐานรับของโจร
รับของโจร ธรรมกายไม่เข้าข่าย ตอน 1
รับของโจร ธรรมกายไม่เข้าข่าย
จากกระแสข่าวหนาหูว่า เจ้าอาวาสวัดธรรมกายถูกตั้งข้อหารับของโจร
โดย DSI
และสื่อต่างๆพยายามที่จะชี้นำมาโดยตลอด ผมเลยต้องไปหาข้อมูลเอามาแชร์กันเป็นความรู้มาดูตัวกฎหมายกันก่อน
________________________________________________________________________________
ประมวลกฎหมายอาญา
อาญา
มาตรา ๓๕๗ รับของโจร
อาญา มาตรา ๓๕๗
หมวด 6 ความผิดฐานรับของโจร
มาตรา 357 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น
ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด
ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด ถ้า
ความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์
ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ผู้นั้นกระทำความผิดฐาน รับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น ได้กระทำเพื่อค้ากำไร หรือได้กระทำต่อทรัพย์อันได้มาโดยการลักทรัพย์ตามมาตรา 335
(10) ชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี
และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงสองหมื่นบาท
ถ้าการกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น
ได้กระทำต่อทรัพย์อันได้มาโดยการลักทรัพย์ตามมาตรา 335 ทวิ
การชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 ทวิ
หรือการปล้นทรัพย์ตามมาตรา340 ทวิ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี
และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท
-------------------------------------------------------------------------------------------
ทีนี้เรามดูกันครับว่ากรณีของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเข้าข่ายใหม?
เรามาดูเทียบเคียงกับฏีกาที่ได้ตัดสินไปแล้วกันสักสองสาม ฎีกา
เรามาดูเทียบเคียงกับฏีกาที่ได้ตัดสินไปแล้วกันสักสองสาม ฎีกา
ดูตัวอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ผ่านมากัน
- เจตนา
- คำพิพากษาฎีกาที่ 265/2507
ในความผิดฐานรับของโจรนั้น จะเกิดเป็นความผิดขึ้นในขณะที่จำเลยได้รับทรัพย์นั้นไว้
โดยรู้อยู่ว่าเป็นของได้มาจากการกระทำผิด
ไม่ใช่เป็นความผิดขณะที่ครอบครองทรัพย์นั้นอยู่
จากที่ลูกศิษย์ลูกหา และชาวธรรมกายออกมาให้ข้อมูลบอกว่า
เจ้าอาวาสแค่อออกมารับถวายเงินทำบุญอย่างเดียวโดยไม่เคยเห็นแม้แต่เช็ค
เมื่อรับถวายแล้วเจ้าหน้าที่การเงินก็เอาไปจัดการต่อทั้งหมด อันนี้ถือว่าไม่รู้ที่มาของทรัพย์ว่ามาจากการกระทำผิดและได้มาอย่างไร
และในช่วงที่มีการถวายเช็คเป็นช่วงที่
สหกรณ์ฯไม่ได้มีปัญหาการเงินและยังมีรายงานการทำบัญชีใช้จ่ายที่ชัดเจน แม้ปัจจุบันนายศุภชัย
จะมีคดีความและต่อสู้อยู่ในศาล
แต่ศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าผิด ดังนั้นเงินที่ถวายทำบุญ จึงยังไม่จัดอยู่ในของที่ได้มาจากการกระทำผิด
เมื่อนำกรณีมาเทียบเคียง
การที่ DSI
กำลังจะชี้มูลความผิด เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย
จึงถือว่าไม่ผิด และไม่เข้าข่ายรับของโจร
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)